แม้ว่าเราจะรู้จักคำนามประเภทต่าง ๆ แล้วก็ตาม แต่บางครั้งก็ยังอาจยังไม่แน่ใจว่าคำคำนั้นเป็นคำนามหรือไม่ เช่น คำว่า love อาจจะมีความหมายเป็นคำนามหรือกริยาก็ได้ ดังนั้นเราจะมีวิธีการสังเกตคำนามแบบง่าย ๆ ดังนี้
1. Noun Ending เช่น ดูคำลงท้ายของคำดังต่อไปนี้
-ity > nationality
-ment > appointment
-ness > happiness
-ation > relation
-hood > childhood
แต่ก็ต้องระวังให้ดีบางครั้งคำที่ลงท้ายเหล่านี้อาจจะไม่ได้เป็นคำนามเสมอไป เช่น "spoonful" เป็นคำนามซึ่งลงท้ายด้วย -ful, แต่คำว่า "careful" ลงท้ายด้วย –ful เช่นกัน แต่คำนี้เป็นคำ adjective หรือ คำคุณศัพท์
2. Position in Sentence หรือ วิธีการสังเกตว่าคำนั้น ๆ เป็นคำนามหรือไม่ ให้สังเกตจากตำแหน่งของคำในประโยคดังต่อไป
2.1. คำนามทั่วไปมักจะตามหลัง determiner ซึ่งใช้เป็นคำนำหน้านาม เช่น a, an, the, this, my, such เป็นต้น
Example : a relief, an afternoon, the doctor, this word, my house, such stupidity
2.2. คำนามส่วนมากจะตามหลังคำคุณศัพท์ หรือ adjectives เช่น a great relief, a peaceful afternoon, the tall, Indian doctor, this difficult word, my brown and white house, such crass stupidity
3. Function in a Sentence หรือหน้าที่ของคำในประโยค ดังนี้
3.1. ทำหน้าที่เป็นประธาน (subject) ของกริยา (verb) ประโยค เช่น Doctors work hard.
3.2. ทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของกริยา (verb) ประโยค เช่น He likes coffee.
3.3. หรือทำหน้าที่เป็นทั้งประธานและกรรมของกริยาก็ได้ เช่น Teachers teach students.
แต่อย่างไรก็ตามประธานหรือกรรมในประโยคอาจจะไม่จำเป็นจะต้องเป็นคำนามเสมอไปก็ได้ บางครั้งอาจเป็นคำสรรพนาม (pronoun) หรือ อาจจะเป็นวลีก็ได้ เช่น
"My doctor works hard", คำนามในประโยคนี้ก็คือคำว่า "doctor" แต่ประธานของประโยคคือ "My doctor". ซึ่งมี Possessive Adjective หรือ คำที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของคำนาม คือ คำว่า my นำหน้า
WHAT'S NOUN?
Saturday, November 7, 2009
Labels:
abstract noun,
nouns,
what's noun,
คำนาม,
คำนาม ภาษาอังกฤษ,
คำไหน คือ คำนาม
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment